วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิถีชีวิตชาวนาไทยจากอดีตสู่อนาคตนั้น "ท่านคิดว่ามันจะไปในทางที่เจริญขึ้นหรือแย่ลง"



                                       

                                

ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าวที่เราบริโภคอยู่ทุกวันนี้ทำไมเราต้องซื้อข้าวในราคาที่แพงขึ้น  อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ข้าวมีราคาแพง  ปัญหาที่พบอยู่ทุกวันนี้คือความแตกต่างระหว่างราคาข้าวเปลือกกับข้าวสาร  จนรัฐบาลต้องแก้ปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำโดยจัดทำโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อพยุงราคา  แล้วใครคือผู้ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้  ทำไมชาวนาจึงยากจนและมีหนี้สินมากมาย
ในอดีตเมื่อ  30 ปีที่แล้ว  คำขวัญที่ว่า  ในน้ำมีปลาในนามีข้าวเป็นจริงแน่นอน เพราะในชนบทเกือบทุกครัวเรือนจะทำนามียุ้งข้าวและอุปกรณ์การทำนาที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน  เลี้ยงควายไว้ใช้ไถนาและบางครั้งก็ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวนาได้ด้วย  และมีการทำนาดำเป็นส่วนใหญ่ และครอบครัวชาวนาจะอยู่กันอย่างพี่น้อง เกิดการเอื้ออาทรระหว่างเพื่อนบ้านกัน มีความสมัคคีกันในชุมชนเ ชื่อผู้นำ  มีการใช้ปุ๋ยคอกที่เป็นผลพลอยได้จากสัตวที่เลี้ยง  ทำให้เกิดห่วงโซ่อาหารการใช้ปุ๋ยคอกจะทำให้เกิดความสมดุลย์ในระบบนิเวศน์ ข้าวกล้าในนาเจริญเติบโตดีโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมี ใครมีที่นามากก็จะจ้างแรงงานมาช่วยซึ่งมีอยู่มาก หรือมีการลงแขกทำนาเอาแรงกัน  ดังนั้นต้นทุนการทำนาส่วนใหญ่ในสมัยนี้จึงเป็นต้นทุนด้านค่าแรงงานเป็นส่วนใหญ่ ต้นทุนค่าปุ๋ย สารเคมีไม่ต้องจ่าย จึงไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อใช้ในการทำนา
                        ปัจจุบันในชนบทพบว่า ควายซึ่งเป็นสัตว์คู่ทุกข์คู่ยากนั้นหายไปจากท้องทุ่ง หลายครอบครัวเลิกเลี้ยงควายกันแล้ว และพบว่า หลายครอบครัวจะเลี้ยงวัวแทนด้วยความเชื่อที่ว่าวัวมีราคาแพงและขายง่ายอีกทั้งคนในชนบทนิยมบริโภคเนื้อวัวมากกว่าเนื้อควาย ใต้ถุนบ้านจะพบว่ามีรถไถเดินตามเข้ามาแทนที่ควาย ด้วยความเชื่อที่ว่า ทำงานได้เร็วไม่มีเหนื่อยไม่ต้องมาเลี้ยงและดูแลให้เสียเวลา อย่าลืมว่าเมื่อมีรถไถก็ต้องมีรายจ่ายเพิ่มจากการที่ต้องซื้อน้ำมันมาใส่รถไถเพื่อให้มันทำงาน ผลพลอยได้จากรถไถคือมลพิษ ไม่มีปุ๋ยคอกใส่ในนาต้องซื้อปุ๋ยเคมีมาใส่ในนาแทนที่ปุ๋ยคอก เมื่อใสปุ๋ยเคมีต้องใส่ในปริมาณที่มากข้าวจะได้งามเมื่อใส่ไปมากๆเข้าจะทำให้โครงสร้างของดินนั้นเสียไป ระบบนิเวศน์ถูกทำลายเพราะจุลิยทรีย์ในดินและน้ำไม่มี สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่อยู่ไม่ได้หรือมีการใช้สารเคมีฆ่าหญ้าและสารเคมีฆ่าแมลง  ธรรมชาติไม่สมดุลย์เกิดการระบาดของโรคและแมลง จึงต้องมีการใช้สารเคมีในปริมาณที่มากขึ้น ผลที่ตามมาคือต้นทุนการทำนาที่มากขึ้น ประกอบกับความเจริญทางวัตถุทำให้วิถีชีวิตของชาวนาเปลี่ยนแปลงไป   ในน้ำไม่มีปลาในนาไม่มีข้าว ต้นทุนสูงเนื่องจากปัจจัยการผลิตมีราคาแพง ชาวนาประสบกับภาวะขาดทุนต้องกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน บางปีที่เกิดภัยธรรมชาติประสบภาวะขาดทุน ชาวนาบางรายรับไม่ได้ฆ่าตัวตายไปแล้วก็มี
                   ดังนั้นการทำการเกษตรในปัจจุบัน  ถ้าทุกคนใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงระบบนิเวศน์โดยการทำการเกษตรสมัยใหม่ร่วมกับการทำเกษตรแบบดั้งเดิม  จะเป็นการคืนธรรมชาติให้กับแผ่นดินเมื่อนั้น ในน้ำย่อมมีปลาและในนาย่อมมีข้าวแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลโดย คุณ ตุ้ม
สำนักงานเกษตรจังหวัดหนองคายhttp://gotoknow.org/blog/pitsawat/188901

7 ความคิดเห็น:

  1. เจริญขึ้น คือ จะสังเกตได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็มีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้มากมาย

    ตอบลบ
  2. เจริญขึ้น เพราะ ตอนนี้เกษตรกรไทยได้เจริญมากขึ้น และได้มีเทคโนโลยีใหม่ๆมากขึ้น

    ตอบลบ
  3. เจริญขึ้น กาารพัฒนาพันข่าว การให้เทคโนโลยีมาช่วย ทำให้สะดวกและได้ปริมาณที่เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรคุณภาพต้องเท่าเดิมหรือไม่ก็ดีขึ้นไปอีก

    ตอบลบ
  4. ต้องเจริญขึ้นสิ เพราะยุคนี้อะไรๆ ก็เจริญหมด ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีทางการติดต่อ หรือเกษตร ก็พัฒนาขึ้นมากแล้ว

    ตอบลบ
  5. เจริญ ขึ้น อยู่แล้ว เทคโนโลยี ล้ำเลิศ ช่วยได้ เกือบทุกอย่าง หรือ อาจะทุก อย่างก้อเป็นได้ ในปัจจุบันนี้

    ตอบลบ
  6. จะเห็นว่าการเกษตรในปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยีหรือวิธีการต่างๆเข้ามาช่วยในการผลิต ทำให้สะดวกและได้ปริมาณผลผลิตที่มากขึ้น อาทิเช่น การนำปุ๋ยเคมี และยาฆ่าแมลงมาใช้ ซึ่งมันได้ผลเร็ว แต่ต้องทำลายสภาพแวดล้อม และทำให้ต้นทุนในการผลิตสูง ทั้งนี้จะเห็นว่า สิ่งที่เจริญขึ้นนั้นคือการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ แต่สิ่งที่แย่ลงคือ สิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สารเคมีต่างๆ ดังนั้น ผลดีก็ย่อมมาพร้อมผลเสียเสมอ อยู่ที่ว่าอะไรมันจะมากกว่ากัน ^^

    ตอบลบ
  7. เจริญมากขึ้น เพราะว่ามีการพัฒนาการทำเกษตรให้เจริญกว่าเดิและมีการพัมนาพันข้าวอยู่ตลอดเวลา

    ตอบลบ