“เกิดเป็นคนจนต้องทนลำบาก ชีวิตนั่นฝากไว้กับที่นาฝนฟ้าไม่แน่นอน ร่างกายกำยำทำงานเป็นเลิศ บุญพาให้มาเกิดแต่ว่ามีกำบัง...ยังต้องเป็นคนยากจน คนผู้ยังยากจน เขาก็คือคนอยู่บนแผ่นดิน คนผู้ใดมั่งมี เหลียวมองบ้างซีคนของแผ่นดิน” บทเพลงขับขานของนักร้องเพื่อชีวิตผู้หนึ่งได้กล่าวถึงชาวนาไว้ว่าเป็นผู้ยากจนที่ต้องทนลำบากอยู่กับผืนนาที่ไม่มีอะไรแน่นอนชีวิตฝากไว้กับฝนฟ้า แต่ชาวนาก็คือคนของแผ่นดิน
ชาวนาได้ถูกมองจากสังคมว่าเป็นผู้ลำบากและยากจนที่สุดในบรรดาการประกอบอาชีพเกษตรกรรมทั้งหลาย ค่านิยมและความรู้สึกนี้มิใช่เป็นเพียงความรู้สึกของคนภายนอกเท่านั้น ชาวนาส่วนใหญ่ก็มองว่าอาชีพของตัวเองด้อยค่า ไม่มีศักดิ์ศรี และยากจนจริง ความเชื่อและค่านิยมเหล่านี้ได้ถูกปลูกฝังไปยังรุ่นลูกหลานให้มีความรู้สึกว่าด้อยค่าด้อยศักดิ์ศรีและยากจนด้วยเช่นกัน ทำให้บรรดาพ่อแม่ที่เป็นชาวนาส่งบุตรหลานของตัวเองให้เรียนสูงๆ เพราะเชื่อว่าสักวันจะได้เป็นเจ้าคนนายคนเป็นใหญ่เป็นโตจะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนพ่อแม่
ชาวนาในอดีตไม่แน่ว่ายากจนและเป็นทุกข์เช่นชาวนาในปัจจุบันหรือไม่ แต่ชาวนาในปัจจุบันยากจนและเป็นทุกข์จากการประกอบสัมมาอาชีวะของตนเอง ชาวนาไม่มีอิสรภาพเช่นก่อน เพราะชาวนามีความเชื่อซึ่งเป็นความเชื่อที่ถูกปลูกฝังโดยวิธีคิดสมัยใหม่ว่าการทำนาที่ดีต้องให้ได้ผลผลิตจำนวนมากและใช้เวลารวดเร็วในการเก็บเกี่ยวนั่นคือต้องใช้ปุ๋ยเคมี ใช้ยาเคมี ต้องอาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น รถไถนา รถตัดข้าว ชาวนาในปัจจุบันขาดซึ่งอิสรภาพทางความคิดและความสามารถในการพึ่งพาตนเอง เพียงเพราะผูกยึดความเชื่อไว้กับวิธีคิดสมัยใหม่
ในความเป็นจริงชาวนา...เป็นมากกว่ากระดูกสันหลังของชาติ แต่ชาวนาคือเส้นเลือดใหญ่ของชาติ ซึ่งหากขาดซึ่งชาวนา ผู้มีบุญคุณต่อแผ่นดิน ผู้ซึ่งผลิตอาหารเลี้ยงคนทั้งประเทศ หากขาดเส้นเลือดใหญ่ ลองคิดดู...พวกเราจะอยู่กันอย่างไร??? ชาวนาจึงมิใช่เพียงกระดูกสันหลังของชาติ แต่คุณค่าที่สังคมมอบให้ คุณค่าที่รัฐมอบให้ไม่สมศักดิ์ไม่สมคุณค่ากับความสำคัญที่มี
ถึงเวลาแล้วที่เราลูกหลานไทย ผู้ตกเป็นหนี้บุญคุณชาวนาต้องพากันเคารพศักดิ์ศรี ให้ความสำคัญกับชาวนา ชาวนามิได้เป็นเพียงการประกอบอาชีพ การเป็นชาวนาเป็นการสืบทอดและดำเนินวิถีที่ผูกโยงกับจิตวิญญาณของชนชาติไทยมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ เป็นการสืบสานวัฒนธรรมความดีงามของผู้คนในสังคมไว้ ชาวนาเป็นเลือดเนื้อและวิญญาณเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมเรียกว่ามนุษย์หรือผู้มีจิตใจและอารยธรรมที่สูงส่ง “เปิปข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิน เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง และน้ำแรงอันหลั่งริน สายเลือดกูทั้งสิ้น ที่สูซดกำซาบฟัน”(บทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์)
ไม่เพียงแต่เค้าเป็นกระดูกสันหลัง แต่พวกเค้าคือ พ่อครัวแม่ครัวของคนทั้งโลก และเป็นพ่อแม่ปู่ย่าตายายของเราด้วย
ตอบลบกราบขอบพระคุณชาวนาค่ะ..ขออนุญาตนำบทความไปประกอบทำวีดีโอชีวิตชาวนานะคะ
ตอบลบ